การออกข้อสอบแบบปรนัย
แบบทดสอบปรนัย
เป็นแบบทดสอบที่ประกอบด้วยคำถาม และได้กำหนดคำตอบไว้ให้เลือก
โดยที่คำถามจะกำหนดวิธีการและแนวทางในการตอบไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องการให้ผู้ตอบทำอย่างไร เช่น
กำหนดให้เขียนเครื่องหมายหรือเติมข้อความหลังจากผู้ตอบได้เลือกแล้ว่าจะเลือกคำตอบใด หรือจะเขียนข้อความใดเติมลงไป
ในการทำแบบทดสอบปรนัย ผู้ตอบมีโอกาสน้อยที่จะเรียบเรียงความรู้
หรือถ้อยคำตามที่ตนเองอยากจะตอบ
การสร้างแบบทดสอบปรนัย
มีหลักอย่างกว้าง ๆ ดังนี้
1.
เนื่องจากข้อสอบแบบปรนัยแต่ละข้อจะชี้เฉพาะเนื้อหาประเด็นหนึ่ง ๆ
การสร้างแบบทดสอบชนิดนี้ จึงควรพยายามสร้างแบบทดสอบที่มีจำนวนข้อมาก ๆ
ให้ครอบคลุมเนื้อหาเท่าที่จะทำได้
2. คำถามที่ใช้ต้องตรงจุด สั้น
ชัดเจน ไม่ซับซ้อน ไม่ใช้ภาษาที่ยาก นอกจากจะวัดความสามารถทางถ้อยคำ
ไม่ใช้คำปฏิเสธซ้อนโดยไม่จำเป็น
3. ควรเรียงลำดับคำถามจากง่ายไปหายาก และมีจำนวนข้อง่าย ปานกลาง
และยากให้ได้สัดส่วน 1 : 5 : 1 ตามลำดับ
ต้องระวังไม่ให้ข้อใดข้อหนึ่งเป็นแนวทางในการตอบข้ออื่น ๆ
ตำแหน่งของคำตอบที่ถูกต้องควรจัดเรียงแบบที่ผู้ตอบเดาไม่ได้
4.
ข้อสอบต้องพิมพ์หรือเขียนให้เรียบร้อย
มีคำสั่งชัดเจน ถ้าคำสั่งเข้าใจยาก ควรยกตัวอย่างประกอบ
5.
คำถามและคำตอบควรมีระบบ กล่าวคือ
ถ้าเป็นคำถามเป็นประโยคคำถาม ควรเขียนให้เป็นประโยค
คำถามที่สมบูรณ์ ถ้าคำถามเป็นแบบต่อความหรือประโยคบอกเล่า
คำตอบก็ควรจะตอบรับกันโดยไม่ซ้ำกับคำในภาคคำถาม และคำตอบควรมีขนาดของถ้อยคำที่สั้น
หรือยาวใกล้เคียงกัน
6.
ข้อสอบแบบปรนัยนี้สร้างได้ยาก
และต้องใช้เวลามาก ผู้สร้างต้องมีทักษะพอควร จึงทำให้ได้ข้อสอบ
ที่ดี
แบบทดสอบปรนัยแบ่งออกเป็น
4 ประเภท คือ
1.
ข้อสอบประเภทถูกผิด
2.
ข้อสอบประเภทจับคู่
3.
ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
4.
ข้อสอบประเภทเติมให้สมบูรณ์
ตัวอย่าง
3.
ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
เป็นข้อสอบที่ประกอบด้วยคำตามและกำหนดคำตอบไว้ให้เลือกหลาย ๆ
คำตอบ
โดยที่ผู้ตอบจะเลือกคำตอบที่คิดว่าถูกต้องที่สุด เพียงคำตอบเดียว
ข้อสอบประเภทเลือกตอบนี้
ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1. ส่วนที่เป็นคำถาม เป็นข้อความที่เขียนเป็นประโยคคำถาม หรือ
ประโยคบอกเล่า หรือ อาจใช้รูปภาพ แผนภาพ หรือสัญลักษณ์ ก็ได้
2. ส่วนที่เป็นตัวเลือก
เป็นคำตอบหรือบรรดาตัวคำตอบที่มีไว้ให้เลือกตอบตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดเรียกว่า
คำตอบ และตัวเลือกที่ไม่ถูกต้องเรียกว่า ตัวลวง ตัวอย่างเช่น
1.
สัตว์ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่..............(ส่วนที่เป็นคำถาม)
ก.
ไก่
|
ค. ปลา
ง. จิ้งจก (คำตอบ)
2.
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศใด
|
ข. ใต้
ค. ตะวันออก (คำตอบ)
ง. ตะวันตก (ตัวลวง)
ง. ตะวันตก (ตัวลวง)
วิธีการสร้างข้อสอบประเภทเลือกตอบ
การสร้างข้อสอบประเภทเลือกตอบ
มีขั้นตอนดังนี้
1. พิจารณาจากวัตถุประสงค์การเรียนการสอนว่า
ต้องการวัดความสามารถในด้านใด เรื่องใด และระดับใด
2.
เขียนคำถามและตัวเลือกที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องให้ชัดเจน และมั่นใจว่าไม่มีคำตอบอื่นที่เป็นไปได้อีกแล้ว
3. ต่อจากนั้น
เขียนตัวลวงที่เป็นไปได้ให้ครบตามจำนวนของตัวเลือกที่กำหนดไว้
โดยที่ตัวลวงแต่ละตัวควรจะทำให้ผู้ตอบข้อสอบแยกได้ลำบากว่า
คำตอบที่ถูกต้องคือข้อใด
4. จัดเรียงตัวลวงและคำถาม ดังนี้
ก.
ถ้าตัวเลือกเป็นจำนวน หรือ ปี พ.ศ.
ควรเรียงลำดับจากน้อยไปหามากหรือมากไปหาน้อย
ข.
คำตอบไม่ควรซ้ำข้อกันมาก ๆ
ควรสับเปลี่ยนไปอย่างไม่มีระบบ
เพื่อให้ผู้ตอบไม่สามารถเดาคำตอบได้
ค. ถ้าตัวเลือกมีความยาวของข้อความแตกต่างกัน
ควรเรียงลำดับตามขนาดความยาวของตัวเลือก
5.
ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อสอบว่ามีส่วนประกอบที่เป็นคำถาม คำตอบ
และตัวลวงครบถ้วนหรือไม่ และพิจารณาว่าข้อสอบนั้นไม่มีความหมายเป็นหลายทางได้
นอกจากนี้
ในการสร้างข้อสอบประเภทเลือกตอบยังต้องคำนึงถึงข้อปลีกย่อยอีกหลายประการ ดังนี้
ก. ส่วนที่เป็นคำถาม
1. คำถามแต่ละข้อต้องมีปัญหาเพียงปัญหาเดียว
โดยสร้างเป็นประโยคคำถามหรือประโยคบอกเล่าที่ชัดเจน สั้น
แต่มีคำอธิบายเพียงพอที่จะช่วยให้เข้าใจปัญหา
2.
คำถามไม่เป็นข้อความที่คัดลอกมาจากหนังสือโดยตรง
ข. ส่วนที่เป็นตัวเลือก
1. ควรมีตัวเลือก 3-5 ข้อ แต่ที่นิยมกันมักใช้ 4
ตัวเลือก
2. จำนวนตัวเลือกในแต่ละข้อคำถาม ควรจะเท่ากันโดยตลอดทั้งชุด กล่าวคือ
ถ้ามีตัวเลือก 5 ตัว ก็ควรมีตัวเลือก 5 ตัวทุกข้อคำถาม
3. ตัวเลือกแต่ละตัวเลือกในข้อคำถามเดียวกัน
ควรมีความสั้นยาวพอ ๆ กัน ถ้าสั้นยาวต่างกัน ก็ควรเรียงตัวเลือกตามลำดับสั้นยาว
ให้เป็นระบบเดียวกันโดยตลอดทั้งชุด
4. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ถูกทุกข้อ” หรือ “ผิดทุกข้อ”
มาเป็นตัวเลือก
ข้อเสนอแนะในการใช้ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
1. ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
สามารถถามความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
2. ใช้ในกรณีที่ผู้เข้าสอบจำนวนมาก
เพราะว่าจะช่วยให้ประหยัดเวลาและแรงงานในการตรวจ
3. ใช้ในกรณีที่ต้องการถามสั้น ๆ
โดยลดอัตราการเดาในการตอบลง
4. ไม่ควรใช้ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
ในกรณีที่ใช้ข้อสอบประเภทที่ง่ายกว่านี้ได้ ได้แก่ ถ้าใช้ข้อสอบประเภทถูกผิดวัดสิ่งที่ต้องการได้แล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อสอบประเภทเลือกตอบ
5. ในการสร้างข้อสอบประเภทเลือกตอบ
ต้องใช้เวลาและทักษะมากจึงจะได้ข้อสอบที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น