วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ตามกระแส "มารศาสนา ตามความเชื่อของสาวก"ตถาคต" สืบทอด หรือ ทำลาย"

ผู้ที่บรรลุโสดาบัน หรือพระอรหันต์ จะไม่ประกาศ ตนเพื่อให้คนงมงาย
พระอรหันต์ (พระ-อะ-ระ-หัน) คือ พระอริยบุคคลชั้นสูงสุดในศาสนาพุทธ สามารถละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการ
สังโยชน์ (บาลี: samyojana) คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ 
หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ
ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
1. สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
2. วิจิกิจฉา - มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
3. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร 
หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น 
ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย
4. กามราคะ - มีความติดใจในกามคุณ
5. ปฏิฆะ - มีความกระทบกระทั่งในใจ
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
6. รูปราคะ - มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
7. อรูปราคะ - มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
8. มานะ - มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
9. อุทธัจจะ - มีความฟุ้งซ่าน
10. อวิชชา - มีความไม่รู้จริง

พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้หมด
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ

อย่าว่าแต่พระอรหันต์ เลยครับ พระโสดาบัน ยังหายากเลยสมัยนี้
                                                 ที่มา : http://pantip.com/topic/30654850
(ก. ความจริงตามแบบของชาวโลกตามธรรมชาติ)
 ภารท์วาชะ ! เมื่อก่อนท่านได้ถึงความเชื่อ (อย่างใดอย่างหนึ่งลงไป
แล้ว) มาบัดนี้ท่านกล่าวมันว่า (เป็นเพียง) สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา. ภารท์วาชะ !
สิ่งทั้งห้านี้ อย่างที่เราเห็น ๆ กันอยู่ในบัดนี้ เป็นสิ่งที่มีผลเป็น ๒ ฝ่าย. สิ่งทั้ง
ห้านั้น คืออะไรเล่า ? คือ ความเชื่อ (ว่าจริง), ความชอบใจ (ว่าจริง), เรื่องที
ฟังตาม ๆ กันมา (ว่าจริง), ความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดล้อม (ว่าจริง), และ
ข้อยุตติที่ทนได้ต่อการเพ่งพินิจด้วยความเห็นของเขา (ว่าจริง), ดังนี้ นี่แหละ
คือสิ่งทั้งห้าที่เราเห็น ๆ กันอยู่ในบัดนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลเป็น ๒ ฝ่าย. ภารท์วาชะ !
สิ่งที่เชื่อ กันแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่า เป็นของ
ไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี; แม้ สิ่งที่ไม่เชื่อกัน แล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่า
สิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท์วาชะ !
สิ่งที่ชอบใจ กันแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่า เป็น
ของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี; แม้ สิ่งที่ไม่ชอบใจ กันแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่,
แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท์วาชะ !
สิ่งที่ได้ฟังตามกันมาแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่า
เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จอยู่ก็มี; แม้ สิ่งที่ไม่ได้ฟังตามกัน มาแล้วเป็นอย่าง
ดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี.
ภารท์วาชะ! สิ่งที่ได้ตริตรึก กันมาแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่ง
นั้นกลับเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จอ ยู่ก็มี; แม้ สิ่งที่ไม่ได้
ตริตรึก กันมาแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้
ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท์วาชะ! สิ่งที่ได้เพ่งพินิจ กันมาแล้วเป็น
อย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็น
ของเท็จ อยู่ก็มี; แม้ สิ่งที่ไม่ได้เพ่งพินิจ กันมาแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่า
สิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท์วาชะ !
วิญญูชนผู้จะตามรักษาไว้ซึ่งความจริง อย่าพึงถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียว
ว่า "อย่างนี้เท่านันจริง, อย่างอื่นเปล่า" ดังนี้

 "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง (สจฺจานุรกฺขณา)
นั้น มีได้ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? บุคคลจะตามรักษาไว้ซึ่งความจริงนั้นได้ ด้วยการ
กระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดมผู้เจริญถึง วิธีการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง."

(ต่อไปนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสวิธี การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ในลักษณะ
ที่ไม่ให้ถือเอาด้วยความยึดมั่นความที่ตนเชื่อ ตามที่ตนชอบใจ ตามที่ตนได้ยินได้ฟังมาเป็นต้น :-)
ที่มา :http://www.pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/964/index.html

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Windows 7 Black Screen แก้ปัญหาอาการจอมืดของวินโดว์ 7

Windows 7 Black Screen แก้ปัญหาอาการจอมืดของวินโดว์ 7

ผู้ ใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 อาจจะประสบกับปัญหาเกิดจอดำ (Black screen) หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน โดยไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันปัญหาดังกล่าวนี้แล้วพร้อมชี้แจงรายละเอียดว่า ปัญหานี้จะเกิดขึ้นในกรณีมีเงื่อนไขดังนี้
กรณีที่ 1
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- เปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- มีการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display และ Put the computer to sleep ของ Power Options เท่ากัน และเวลาที่ตั้งนั้นนานกว่าเวลาที่ตั้งให้สกรีนเซฟเวอร์ทำงาน
- เมื่อผ่านค่าเวลาสำหรับ Turn off the display ทำให้จอภาพปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ
กรณีที่ 2
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- มีการเปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงานผู้ใช้ทำการปิดหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
ใน ทั้ง 2 กรณีคอมพิวเตอร์จะยังคงรันอยู่ แต่จะไม่สามารถทำการเปิดหน้าจอโดยใช้คีย์บอร์ดได้ และอาจจะไม่สามารถเปิดหน้าจอได้จนกว่าจะทำการบังคับรีสตาร์ทเครื่อง คอมพิวเตอร์
หมายเหตุ: เมื่อ ทำการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display น้อยกว่า 10 นาที ค่า Turn off the display option automatically จะเปลี่ยนเป็นค่าที่ทำให้คอมพิวเตอร์สลีป (Sleep)
สาเหตุ: 
ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างเธรดของ CSRSS และของ WinLogon
วิธีการแก้ไข:
ไมโครซอฟท์ ออกฮอตฟิกซ์เพื่อให้ผู้ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 ที่ประสบปัญหาตามที่อธิบายด้านบนใช้แก้ปัญหาแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Hotfix (KB976427)อย่าง ไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์ตัวนี้เฉพาะบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์นี้ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิ สแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต
แต่การแก้ไขปัญหาจะไม่สามารถทำได้เลย หาก Computer ไม่สามารถเข้าใช้งานวินโดว์ได้ เพราะฉะนั้นการแก้ไขต้องใช้วิธีการดังต่อไปนี้ครับ
หากยังเปิดหน้าต่าง Windows Task Manager ได้ตามปกติ
  1. ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง
  2. ล๊อคอินเข้าใช้งานวินโดว์ รอให้ขึ้นหน้าจอ Black screen
  3. ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าได้ทำการต่ออินเตอร์เน็ตอยู่
  4. กด Ctrl-Alt-Del
  5. เลือกที่ Stat Task Manager
  6. คลิกที่แท็ป Applications
  7. เลือก New Task
  8. พิมพ์ ” C:\program Files\internet Explorer\iexplore.exe” และเข้าไปดาวน์โหลดตัวแก้ไขที่ http://info.prevx.com/download.asp?GRAB=BLACKSCREENFIX
  9. โหลดโปรแกรมฟิก Black Screen แล้วทำการรันโปรแกรมฟิกได้เลย
  10. หลังจากรันโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง ก็จะสามารถเข้าใช้งาน วินโดว์ ได้ปกติ
แต่ถ้าเครื่องติดไวรัส และไม่สามารถเปิดหน้าต่าง Task Manager ได้ละ ??
  1. ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง
  2. กด F8 เพื่อเข้าหน้าต่าง Windows Advanced Option Menu
  3. เลือก Safe Mode With Command Prompt
  4. ที่หน้าต่าง Command พิมพ์ explore.exe
  5. จะสามารถเข้าใช้งานหน้าต่าง Explore ได้ หลังจากนั้นก็ทำการกำจัดไวรัสที่บล๊อคไม่ให้เข้าใช้งานในส่วนของ Task Manager  Download ที่นี่
  6. แก้ไวรัสเสร็จแล้วต่อจากนี้ก็สามารถใช้วิธีการแบบแรกได้เลยครับ
หมายเหตุ อีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้คือการอัพเดท  Windows 7 Service Pack 1 จะสามารถแก้ไข Windows 7 Black Screen  ได้เช่นกัน


วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การกู้ไฟล์เอกสารที่สูญหาย โดยไม่รู้ตัว

เอกสาร Microsoft Office Word สามารถหายได้ในบางสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น เอกสารอาจจะสูญหายถ้าข้อผิดพลาดบังคับให้ Word ต้องปิดลง ถ้าคุณประสบกับภาวะไฟฟ้าขัดข้องในขณะที่คุณกำลังแก้ไข หรือถ้าคุณปิดเอกสารโดยไม่บันทึกการเปลี่ยนแปลง 

บทความนี้อธิบายถึงหกวิธี ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อพยายามกู้คืนเอกสารสูญหาย

อย่างไรก็ตาม เอกสารบางอย่างอาจไม่สามารถกู้คืนได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไม่ได้บันทึกเอกสารไว้โดยสมบูรณ์ เอกสารทั้งหมดอาจสูญหาย ถ้าคุณได้บันทึกเอกสารของคุณไว้ คุณอาจสูญเสียเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่คุณทำไว้นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่คุณบันทึก อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวลเอกสารจำนวนมากสามารถสามารถกู้คืนได้บางส่วนหรือทั้งหมด 

เนื่องจากมี Microsoft Windows หลายรุ่น ขั้นตอนต่อไปนี้อาจแตกต่างกันไปตามคอมพิวเตอร์ของคุณ ในกรณีนี้ ให้ดูเอกสารประกอบผลิตภัณฑ์เพื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้ นอกจากนี้ เนื่องจากบางส่วนของวิธีการเหล่านี้รวมถึงขั้นตอนที่จำเป็นต้องเริ่มระบบคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่ด้วย คุณอาจพบว่าจะง่ายต่อการทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ถ้าคุณพิมพ์บทความนี้ก่อน

วิธีแก้ปัญหา USER PROFILE เสีย

 สำหรับ Win XP 

  1. Restart Windows แล้วกด F8 ย้ำๆ เพื่อเข้า safe mode   
  2. log เข้าโดยใช้ account Administrator
  3. copy ข้อมูลของ account ที่เสียก่อนโดยเข้าไปที่โฟลเดอร์ชื่อของยูสเซอร์นั้นๆ เช่น ถ้าชื่อ Adam ให้เข้าไปที่โฟลเดอร์  c:\documents and settings\Adam เลือกโฟลเดอร์และข้อมูลทั้งหมดในโฟลเดอร์นี้ แล้ว copy ไปวางไว้ในโฟลเดอร์ที่สร้างไว้ ในที่นี้คือ d:\Bkup\Adam
  4. ลบ profile ที่มีปัญหา โดยคลิกขวาที่ไอคอน My Computer เลือก Properties คลิกแท็บ Advanced คลิกปุ่ม settings ในกรอบ user profiles
  5. highlight ที่ profile ของ Adam (ซึ่งสถานะจะเป็น backup) กดปุ่ม delete
  6. reboot windows logon เข้า Adam อีกที วินโดวส์จะทำการสร้าง profile ขึ้นมาใหม่
  7. copy ข้อมูลในข้อ 3 มาไว้ ใน c:\documents and settings\Adam คราวนี้ก็จะได้ข้อมูลกลับมาเหมือนเดิมแล้วค่ะ
ปล.ถึง account ที่มีปัญหาจะเป็น Administrator ก็ใช้วิธีเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนจาก Adam เป็น Administrator 

สำหรับ Win 7

  1. ต้อง Enable Administrator Account ก่อน โดยไปที่ Control Panel-->Administrative Tools-->Computer Management-->Local Users & Groups-->Users-->Administrator
  2. คลิกที่ Account is disabled เพื่อให้เครื่องหมายถูกหายไป
  3. Restart Windows แล้วกด F8 ย้ำๆ เพื่อเข้า safe mode
  4. log in โดยใช้ account Administrator
  5. copy ข้อมูลของ account ที่เสีย(สมมติว่าชื่อ Adam) ซึ่งก็คือ c:\Users\Adam ไปไว้ที่อื่น ในที่นี้คือ d:\Bkup\Adam
  6. ลบ profile ที่มีปัญหา โดยคลิกขวาที่ไอคอน Computer เลือก Properties-->Advanced system settings-->คลิกปุ่ม settings ในกรอบ user profiles
  7. highlight ที่ profile ของ Adam จากนั้นกดปุ่ม delete
  8. reboot windows logon เข้า Adam อีกที วินโดวส์จะทำการสร้าง profile ใหม่
  9. copy ข้อมูลในข้อ 5 มาไว้ใน c:\Users\Adam 
  10. Disable Administrator account โดยทำตามข้อ 1 และข้อ 2 เพียงแต่ต้องให้มีเครื่องหมายถูกปรากฎอยู่แทน
                              ที่มา : http://support.microsoft.com/kb/827099/th

    วิธีที่ 1: การค้นหาสำหรับเอกสารต้นฉบับ

    เอกสารต้นฉบับอาจยังไม่ได้ถูกนำออกจากคอมพิวเตอร์ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อดูว่าคุณสามารถค้นหาเอกสารได้หรือไม่:
    1. คลิก เริ่มการทำงาน และจากนั้น คลิก ค้นหา.
    2. ในมุมล่างซ้ายของบานหน้าต่าง ค้นหาในเดสก์ท็อปของ Windows คลิก คลิกที่นี่เพื่อใช้ตัวช่วยค้นหา หากตัวเลือกนั้นอยู่ในรายการ
    3. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกแฟ้มทั้งหมดและโฟลเดอร์.
    4. ในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม พิมพ์ชื่อของเอกสารที่คุณต้องการค้นหา
    5. ในกล่องมองหาในคลิกคอมพิวเตอร์ของฉันและจากนั้น คลิกค้นหา.
    ถ้าหน้าต่างรายละเอียดการค้นหาไม่มีเอกสารที่คุณกำลังมองหา คุณอาจพิมพ์ชื่อแฟ้มไม่ถูกต้อง หรือเอกสารอาจเป็นชื่ออื่น ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหาเอกสาร Word ทั้งหมด:
    1. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกเริ่มค้นหาใหม่.
    2. คลิก แฟ้มและโฟลเดอร์ทั้งหมด และจากนั้นคัดลอกและวาง (หรือพิมพ์) ข้อความต่อไปนี้ลงในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม: และจากนั้นคลิก ค้นหา.
      *.doc
    ถ้าบานหน้าต่างรายละเอียดยังคงไม่ประกอบด้วยแฟ้มที่คุณกำลังค้นหา เอกสารอาจถูกย้ายไปยัง 'ถังรีไซเคิล' แล้ว เมื่อต้องการดู 'ถังรีไซเคิล' และคืนค่าเอกสารถ้ามีอยู่ในนั้น ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
    1. บนเดสก์ท็อป ให้คลิกสองครั้งที่ 'ถังรีไซเคิล'.
    2. บนเมนู มุมมอง คลิก รายละเอียด.
    3. บนเมนู มุมมอง ให้คลิก จัดเรียงไอคอนตาม และจากนั้นคลิก วันที่ลบ.
    4. เลื่อนดูแฟ้ม

      หากคุณพบเอกสารที่คุณกำลังค้นหา ให้คลิกขวาที่เอกสารนั้น แล้วคลิก คืนค่า เพื่อส่งเอกสารกลับไปยังตำแหน่งที่ตั้งเดิม
    หมายเหตุ ปัจจุบัน Microsoft ไม่มีโปรแกรมอรรถประโยชน์ใด ๆ ในการกู้คืนเอกสารที่ถูกลบออกหรือทำให้ว่างจาก 'ถังรีไซเคิล' อย่างไรก็ตาม โปรแกรมอรรถประโยชน์ของบริษัทอื่นบางโปรแกรมที่ใช้ในการกู้คืนเอกสารที่ถูกลบแล้วอาจจะพร้อมใช้งานบนอินเทอร์เน็ต

    วิธีที่ 2: ค้นหาแฟ้มสำรองข้อมูล Word

    ถ้าวิธีการก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลสำหรับคุณ เอกสารหลักอาจจะหายไปแล้ว แต่อาจมีสำเนาสำรองของเอกสารพร้อมใช้งานได้อยู่ การตั้งค่า สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง ใน Word จะสร้างสำเนาสำรองของเอกสารทุกฉบับที่คุณสร้างขึ้น 

    ก่อนอื่น ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อดูว่ามีการเปิดใช้การตั้งค่า สร้างเอกสารสำรองทุกครั้ง หรือไม่:
    • ถ้าคุณใช้ Microsoft Office Word 2007: คลิก ปุ่ม Microsoft Office คลิก ตัวเลือกของ Wordในมุมล่างขวา และจากนั้น คลิกขั้นสูงเลื่อนดูส่วนหัวกระดาษจนกว่าคุณจะพบส่วน บันทึก ซึ่งอยู่ใกล้กับส่วนท้ายของรายการ ถ้าการตั้งค่า สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง ที่อยู่ในส่วน บันทึก ถูกเลือกไว้แล้ว Word จะสร้างสำเนาสำรองของเอกสารขึ้นมาไว้ให้แล้ว
    • ถ้าคุณใช้ Microsoft Office Word 2003: บนเมนู เครื่องมือ ให้คลิก ตัวเลือก การตั้งค่า สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง จะอยู่บนแท็บบันทึก ถ้ามีการเลือกการตั้งค่าการเปิดใช้งาน สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง ไว้แล้ว Word จะสร้างสำเนาสำรองของเอกสารขึ้นมาไว้ให้แล้ว
    จากนั้นถ้าไม่ได้เลือกการตั้งค่า สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง ให้ไปวิธีที่ 3: "บังคับให้ Word พยายามกู้คืนไฟล์"

    ถ้ามีเลือกการตั้งค่า สร้างสำเนาสำรองทุกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหาสำเนาสำรองของเอกสารที่สูญหาย:
    1. ค้นหาโฟลเดอร์ที่คุณบันทึกเอกสารที่สูญหายไปไว้ครั้งล่าสุด
    2. ค้นหาแฟ้มที่มีนามสกุล .wbk

      ถ้าไม่มีแฟ้มที่มีนามสกุล.wbk ในโฟลเดอร์เดิม ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหาแฟ้มทั้งหมดที่มีนามสกุล .wbk ในคอมพิวเตอร์:
      1. คลิก เริ่มการทำงาน และจากนั้น คลิก ค้นหา.
      2. ที่มุมล่างซ้ายของบานหน้าต่าง การค้นหาเดสก์ท็อปของ Windows ให้คลิก คลิกที่นี่เพื่อใช้ตัวช่วยค้นหา.
      3. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกแฟ้มทั้งหมดและโฟลเดอร์.
      4. ในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม: ให้คัดลอกและวาง (หรือพิมพ์) ข้อความต่อไปนี้:
        *.wbk
      5. ในกล่องมองหาในคลิกคอมพิวเตอร์ของฉันและจากนั้น คลิกค้นหา.
    3. ถ้าคุณพบแฟ้มใด ๆ ที่มีชื่อว่า "ข้อมูลสำรองของ" ตามด้วยชื่อของเอกสารหายไป ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเปิดสำเนาสำรอง:
      1. เริ่มต้น Word
      2. ทำอย่างใดอย่างหนึ่งจากการดำเนินการต่อไปนี้:
        • ถ้าคุณใช้ Word 2007: คลิก ปุ่ม Office Microsoft คลิก เปิด คลิก แฟ้มทั้งหมด (* *) ในกล่องชนิดแฟ้ม ค้นหาและเลือกแฟ้มนั้น และจากนั้นคลิก เปิด.
        • ถ้าคุณใช้ Word 2003: คลิก เปิด บนเมนู แฟ้ม คลิก แฟ้มทั้งหมด (* *) ในกล่อง ชนิดแฟ้ม ค้นหาและเลือกแฟ้ม และจากนั้นคลิก เปิด.

    วิธีที่ 3: บังคับให้ Word พยายามกู้คืนแฟ้ม

    ถ้า Word ไม่ได้สร้างสำเนาสำรองของเอกสารไว้ คุณอาจจะต้องใช้คุณลักษณะ AutoRecover เพื่อกู้คืนการกู้คืนเอกสารที่สูญหาย 

    หมายเหตุ คุณลักษณะกู้คืนอัตโนมัติใน Word จะทำสำเนาสำรองฉุกเฉินของเอกสารที่เปิดเมื่อข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ข้อผิดพลาดบางอย่างอาจรบกวนการสร้างแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติได้ คุณลักษณะกู้คืนอัตโนมัติจะไม่ทดแทนการบันทึกเอกสาร

    ถ้ามีการเลือกตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที ไว้แล้ว Word จะสร้างแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติชั่วคราวซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในเอกสารขึ้นมาไว้ให้แล้ว ทุกครั้งที่คำนั้นเริ่มต้น ที่จะค้นหาแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติ ถ้า Word พบแฟ้มการกู้คืนอัตโนมัติใดๆ โปรแกรมจะแสดงแฟ้มที่พบในบานหน้าต่างงานการกู้คืนเอกสาร 

    ก่อนอื่น เมื่อต้องการดูว่ามีการเลือกตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที ไว้แล้วหรือไม่ ให้ใช้หนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้:
    • ถ้าคุณใช้ Word 2007: คลิก ปุ่ม Office Microsoft คลิก ตัวเลือกของ Word และจากนั้นคลิก บันทึก ตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที จะอยู่ในส่วน บันทึกเอกสาร
    • ถ้าคุณใช้ Word 2003: คลิก ตัวเลือก บนเมนู เครื่องมือ ตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที จะอยู่บนแท็บ บันทึก
    จากนั้น ถ้ามีการเลือกตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที ไว้ ให้ลองปิด Word และเปิดอีกครั้ง ถ้าบานหน้าต่างงานการกู้คืนอัตโนมัติปรากฏทางด้านซ้ายของหน้าจอ คลิกเอกสารที่สูญหายเพื่อคืนค่าเอกสารนั้น

    ถ้าไม่ได้เลือกตัวเลือก บันทึกข้อมูลการกู้คืนอัตโนมัติทุก ๆ [] นาที ไว้ คุณสามารถพยายามบังคับให้ Word กู้คืนเอกสารได้ 

    ใช้หนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อบังคับให้ Word กู้คืนเอกสาร:
    • ถ้าคุณใช้ Word 2007: คลิก ปุ่ม Office Microsoft คลิก เปิด เลือกเอกสาร Word คลิกลูกศรลงบนปุ่ม เปิด ในมุมขวาด้านล่างของหน้าจอ เปิด และจากนั้นคลิก เปิดและซ่อมแซม.
    • ถ้าคุณใช้ Word 2003: คลิก เปิด บนเมนู แฟ้ม เลือกเอกสาร Word คลิกลูกศรลงบนปุ่ม เปิด ในมุมขวาด้านล่างของหน้าจอ เปิด และจากนั้นคลิก เปิด และซ่อมแซม.

    วิธีที่ 4: กู้คืนแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติด้วยตนเอง

    ถ้า Word ไม่สามารถเปิดแฟ้มการกู้คืนอัตโนมัติได้โดยอัตโนมัติหรือด้วยตัวเลือก เปิดและซ่อมแซม ระบบอาจบันทึกแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติไว้ในตำแหน่งที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น คุณอาจต้องค้นหาแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติด้วยตนเอง 

    ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหาแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติด้วยตนเอง:
    1. คลิก เริ่มการทำงาน และจากนั้น คลิก ค้นหา.
    2. ในมุมล่างซ้ายของบานหน้าต่าง ค้นหาในเดสก์ท็อปของ Windows คลิก คลิกที่นี่เพื่อใช้ตัวช่วยค้นหา หากตัวเลือกนั้นอยู่ในรายการ
    3. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกแฟ้มทั้งหมดและโฟลเดอร์.
    4. ในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม: ให้คัดลอกและวาง (หรือพิมพ์) ข้อความต่อไปนี้:
      *.ASD
    5. ในกล่อง มองหาใน คลิก คอมพิวเตอร์ของฉัน.
    6. คลิก ค้นหา.
    ถ้าแฟ้มที่ชื่อ DocumentName.asd ปรากฏขึ้นในบานหน้าต่างรายละเอียด ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเปิดเอกสาร:
    1. เริ่มต้น Word
    2. ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
      • ถ้าคุณใช้ Word 2007: คลิกปุ่ม Microsoft Office และจากนั้น คลิก เปิด.
      • ถ้าคุณใช้ Word 2003: คลิก เปิด บนเมนู แฟ้ม
    3. ในรายการ ชนิดแฟ้ม คลิก แฟ้มทั้งหมด (* *).
    4. ค้นหาและเลือกแฟ้ม .asd
    5. คลิกเปิด.
    6. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์
    7. เริ่มต้น Word
    ถ้า Word พบแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติ บานหน้าต่างงานการกู้คืนเอกสารจะเปิดขึ้นทางด้านซ้ายของหน้าจอ และเอกสารที่สูญหายจะแสดงเป็นDocumentName [ต้นฉบับ] หรือเป็นDocumentName [กู้คืน] ถ้าลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
    • ใน Word 2007 คลิกสองครั้งแฟ้มในบานหน้าต่างงาน กู้คืนเอกสาร คลิก ปุ่ม Office Microsoft คลิก บันทึกเป็น และจากนั้นบันทึกเอกสารเป็นแฟ้ม .docx
    • ใน Word 2003 คลิกสองครั้งที่แฟ้มในบานหน้าต่างงาน กู้คืนเอกสาร คลิก บันทึกเป็น บนเมนู แฟ้ม และจากนั้นบันทึกเอกสารเป็นแฟ้ม .doc
    หมายเหตุ ถ้าการกู้คืนอัตโนมัติในบานหน้าต่างการกู้คืนไม่ได้เปิดแฟ้มได้อย่างถูกต้อง ไปส่วน "วิธีการแก้ปัญหาเอกสารเสียหาย" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเปิดแฟ้มที่เสียหาย

    วิธีที่ 5: ค้นหาแฟ้มชั่วคราว

    ถ้าคุณไม่พบแฟ้มกู้คืนอัตโนมัติหรือสำเนาสำรองของเอกสารที่สูญหาย คุณอาจสามารถกู้คืนเอกสารได้จากแฟ้มชั่วคราวของคุณ

    เมื่อต้องการค้นหาเอกสารที่สูญหายในแฟ้มชั่วคราวของคุณ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
    1. คลิก เริ่มการทำงาน และจากนั้น คลิก ค้นหา.
    2. ที่มุมล่างซ้ายของบานหน้าต่าง การค้นหาเดสก์ท็อปของ Windows ให้คลิก คลิกที่นี่เพื่อใช้ตัวช่วยค้นหา.
    3. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกแฟ้มทั้งหมดและโฟลเดอร์.
    4. ในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม: ให้คัดลอกและวาง (หรือพิมพ์) ข้อความต่อไปนี้:
      *.TMP
    5. ในกล่อง มองหาใน คลิก คอมพิวเตอร์ของฉัน.
    6. คลิก้างปลาสองข้างปรับเปลี่ยนการล่านั้นได้อย่างไร.
    7. คลิกวันระบุและจากนั้น พิมพ์เริ่มต้นและวันที่จะรวมรอบระยะเวลาตั้งแต่ที่คุณเปิดแฟ้มครั้งล่าสุด
    8. คลิก ค้นหา.
    9. บนเมนู มุมมอง คลิก รายละเอียด.
    10. บนเมนู มุมมอง คลิก จัดเรียงไอคอนตาม และจากนั้นคลิก ปรับเปลี่ยน.
    11. เลื่อนดูแฟ้มโดยค้นหาแฟ้มที่ตรงกับวันและเวลาที่คุณแก้ไขเอกสารครั้งล่าสุด
    หากคุณพบเอกสารที่คุณกำลังค้นหา ไปที่ส่วน "วิธีแก้ปัญหาเอกสารที่เสียหาย" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกู้คืนข้อมูลจากเอกสาร

    วิธีที่ 6: ค้นหาแฟ้ม ~

    ชื่อแฟ้มชั่วคราวบางชื่อจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายตัวหนอน (~) แฟ้มเหล่านี้อาจไม่ปรากฏในรายการของแฟ้มชั่วคราวที่คุณพบได้ในวิธีที่ 5: "การค้นหาแฟ้มชั่วคราว" 

    ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหาแฟ้มใด ๆ ที่ขึ้นต้นด้วย ~:
    1. คลิก เริ่มการทำงาน และจากนั้น คลิก ค้นหา.
    2. ในมุมล่างซ้ายของบานหน้าต่าง ค้นหาในเดสก์ท็อปของ Windows คลิก คลิกที่นี่เพื่อใช้ตัวช่วยค้นหา หากตัวเลือกนั้นอยู่ในรายการ
    3. ในบานหน้าต่างตัวช่วยค้นหาคลิกแฟ้มทั้งหมดและโฟลเดอร์.
    4. ในกล่อง ทั้งหมดหรือบางส่วนของชื่อแฟ้ม: ให้คัดลอกและวาง (หรือพิมพ์) ข้อความต่อไปนี้:
      ~*.*
    5. ในกล่อง มองหาใน คลิก คอมพิวเตอร์ของฉัน.
    6. คลิก้างปลาสองข้างปรับเปลี่ยนการล่านั้นได้อย่างไร.
    7. คลิกวันระบุและจากนั้น พิมพ์เริ่มต้นและวันที่จะรวมรอบระยะเวลาตั้งแต่ที่คุณเปิดแฟ้มครั้งล่าสุด
    8. คลิก ค้นหา.
    9. บนเมนู มุมมอง คลิก รายละเอียด.
    10. บนเมนู มุมมอง คลิก จัดเรียงไอคอนตาม และจากนั้นคลิก ปรับเปลี่ยน.
    11. เลื่อนดูแฟ้มโดยค้นหาแฟ้มที่ตรงกับวันและเวลาที่คุณแก้ไขเอกสารครั้งล่าสุด
    หากคุณพบเอกสารที่คุณกำลังค้นหา ไปที่ส่วน "วิธีแก้ปัญหาเอกสารที่เสียหาย" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกู้คืนข้อมูลจากเอกสาร

    วิธีแก้ปัญหาเอกสารที่เสียหาย

    Word จะพยายามกู้คืนเอกสารที่เสียหายโดยอัตโนมัติถ้าตรวจพบปัญหากับเอกสาร นอกจากนี้ คุณยังสามารถบังคับให้ Word พยายามกู้คืนเอกสารเมื่อคุณเปิดเอกสารนั้นได้อีกด้วย 

    ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อบังคับให้ Word การกู้คืนเอกสาร:
    1. ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ โดยขึ้นอยู่กับรุ่นของ Word ที่คุณใช้:
      • ถ้าคุณใช้ Word 2007: คลิกปุ่ม Microsoft Office และจากนั้น คลิก เปิด.
      • ถ้าคุณใช้ Word 2003: คลิก เปิด บนเมนู แฟ้ม
    2. ใน รายการชนิดแฟ้ม คลิก แฟ้มทั้งหมด (* *).
    3. ในกล่องโต้ตอบ เปิด เลือกเอกสาร
    4. คลิกลูกศรลงบนปุ่ม เปิด ในมุมขวาด้านล่างของหน้าจอ เปิด และจากนั้นคลิก เปิดและซ่อมแซม.

    ขั้นตอนถัดไป

    ถ้าคุณใช้วิธีการเหล่านี้แล้วและยังคงมีปัญหาในการกู้คืนเอกสารที่สูญหาย คุณสามารถใช้เว็บไซต์บริการสนับสนุนลูกค้าของ Microsoft เพื่อค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ บริการบางอย่างที่เว็บไซต์บริการสนับสนุนลูกค้าของ Microsoft จัดให้มีดังนี้:
    หากคุณยังคงมีปัญหาหลังจากที่คุณใช้ทรัพยากรเหล่านี้ คุณอาจต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุน:

    ข้อมูลอ้างอิง

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาแฟ้มที่เสียหายหรือไม่สามารถเปิดได้ ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความในฐานความรู้ของ Microsoft:
    826864 วิธีการแก้ปัญหาเอกสาร Word ที่เสียหาย
    290946 วิธีการกู้คืนข้อความจากแฟ้มใด ๆ โดยใช้ตัวแปลง "กู้คืนข้อความจากแฟ้มใดๆ" ของ Word 2002 และ Word 2003

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พลิกตำนาน "ไอ้ด่าง" จระเข้กินคน



ทราบกันหรือไม่ว่าในอดีตเคยมีจระเข้ที่ออกอาละวาดไล่กินคนมาแล้ว โดยไม่ต้องอาศัยน้ำท่วมเมืองแต่อย่างใด จระเข้ที่จะเขียนถึงในครั้งนี้มีชื่อเรียกกันจนคุ้นหูคนไทยจนถึงปัจจุบันพวกมันคือ ” ไอ้ด่าง “ จระเข้ที่ชื่อไอ้ด่างมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว ตัวแรกคือ ”ไอ้ด่างเกยชัย” ส่วนอีกตัวคือ ”ไอ้ด่างคลองบางมุด” ซึ่งทั้งสองตัวเป็นจระเข้กินคนที่อาละวาดสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนในยุคสมัยนั้น


ดังนั้นอย่าจำสับสนกันระหว่าง ไอ้ด่างเกยชัย กับ ไอ้ด่างคลองบางมุด เพราะเจ้าจระเข้สองตัวนี้แม้จะชื่อเรียกว่าไอ้ด่างเหมือนกันแต่พวกมันมีชื่อเสียงกันคนละยุคสมัย ไอ้ด่างเกยชัยนั้นถือว่าเป็นจระเข้กินคนรุ่นพี่เพราะมีเรื่องราวและประวัติการปรากฏตัวอาละวาดกินคนที่แม่น้ำน่าน ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 บ้านเกยชัย จ.นครสวรรค์ (ปัจจุบันคือ ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์) สำหรับชื่อหรือฉายาของไอ้ด่างเกยชัยนั้นเพราะปลายจมูกมันมีดวงด่างสีขาวเป็นจุดเด่น แต่ไอ้ด่างเกยชัยก็สิ้นชีพด้วยหอกของหมอจระเข้ 2 คน และหัวของมันถูกตัดเก็บไว้ ว่ากันว่ามีความใหญ่ถึงขนาดหัวถึงหางสามารถนอนขวางลำน้ำจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงดังบันทึกก็หมายความว่าไอ้ด่างเกยชัยมีขนาดความยาวลำตัวยาวถึง 9-10 เมตรเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของไอ้ด่างเกยชัยซึ่งมีบันทึกอยู่ใสมุดบันทึกของกรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อคราวที่ท่านเสด็จไปตรวจราชการที่เมืองเหนือได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวของไอ้ด่างเกยชัยไว้เพียงสั้นๆแค่ 2 บรรทัดมีใจความว่า ที่มีศีรษะของจระเข้ใหญ่ เป็นจระเข้กินคน ชาวบ้านเล่าลือกันว่าเป็นจระเข้เจ้า มีพระยาคนหนึ่งได้นำเอาศีรษะจระเข้นี้เข้ากรุงเทพฯ และได้ขายต่อให้ชาวต่างชาติไป เป็นอันจบกันสำหรับเรื่องราวของศีรษะจระเข้ใหญ่ สำหรับบันทึกของกรมพระยาดำรงราชานุภาพของท่านตอนนี้สามารถสืบค้นได้ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี


แต่เรื่องราวของไอ้ด่างเกยชัยมักจะมีคนจำสับสนกับไอ้ด่างคลองบางมุด จระเข้น้ำเค็มมีขนาดลำตัวยาวกว่า 5 เมตร และเคยอาละวาดกินคนเช่นเดียวกันแต่คนละสถานที่ เพราะไอ้ด่างตัวที่สองนี้อาละวาดกินผู้คนที่คลองบางมุด อ.หลังสวน จ.ชุมพร เมื่อปี พ.ศ. 2507 ซึ่งเรื่องราวของไอ้ด่างคลองบางมุดนี้โด่งดังจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว โดยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 ใช้ชื่อว่า ” ไอ้ด่างเกยชัย ” นำแสดงโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์ ครั้งที่สองในปี 2548 ใช้ชื่อว่า ” โคตรเพชฌฆาต ” นำแสดงโดย ชาติชาย งามสรรพ์ และ จิรภัทร์ วงศ์ไพศาลลักษณ์ กำกับโดย อนัตย วงเงิน ส่วนไอ้ด่างคลองบางมุดนี่ปรากฏเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2507 เป็นเรื่องราวชวนสยองขวัญเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์กินคน และไอ้ด่างตัวที่สองนี่ล่ะที่มีเรื่องราวที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานข้อมูลค่อนข้างชัดเจนรวมถึงมีภาพข่าวตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆในยุคสมัยนั้นเราลองมาทำความรู้จักกับไอ้ด่างจระเข้กินคนตัวนี้กันดีกว่า


ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2507 ปลายเดือนตุลาคม ได้ปรากฏข่าวที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเฉพาะชาวคลองบางมุด บ้านหนองไก่ปิ้ง ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เกี่ยวกับจระเข้ที่ออกอาละวาดกินคนไปหลายคน และเริ่มเป็นข่าวสะเทือนขวัญยิ่งขึ้น เมื่อนายอุดม ชาวบ้าน ต.นาขา ลงไปอาบน้ำในคลองถูกจระเข้คาบไปกินต่อหน้าต่อตาชาวบ้านนับสิบ และอีก 2-3 วันต่อมาก็ถึงคิวของนายอิน ชาวเขมร บ้านเดิมอยู่ จ.ตราด มาตั้งรกรากที่คลองบางมุดได้นำเรือเล็กไปตัดจากเพื่อนำมามุงหลังคาบ้าน ขณะยืนตัดกิ่งจากอยู่ในเรือ จระเข้ยักษ์ก็พุ่งตัวขึ้นมาบนเรือคาบขานายอิน ตกลงไปในน้ำ แม้นายอินจะพยายามดิ้นและเกาะแคมเรือร้องเรียกให้ภรรยาซึ่งอยู่บนฝั่งช่วยเธอก็พยายามกระพุ่มน้ำและส่งเสียงไล่แต่ไม่เป็นผลจระเข้ยักษ์ได้คาบนายอินลงไปใต้ท้องน้ำต่อหน้าต่อตา รุ่งขึ้นศพนายอินลอยขึ้นมาพบว่าถูกกินเฉพาะส่วนท้องเช่นเดียวกับนายอุดม นับจากนั้นการไล่ล่าเริ่มขึ้นจระเข้กินคนก็เริ่มขึ้น โดยทีมแรกเป็นกลุ่มของ ส.ต.อ.บุญโชติ และครูสมพงษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายอินถึงกับลาราชการเพื่อออกล่าจระเข้ล้างแค้นแทนเพื่อนโดยร่วมกับนายแดง เจ้าของโรงสีแต่การล่าไม่ประสบความสำเร็จแถมนายแดงเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้งด้วยคมเขี้ยวของจระเข้ยักษ์ เมื่อเรือของนายแดงที่ทำหน้าที่คัดท้ายเรือพลิกคว่ำก็โดนจระเข้เข้าโจนตี แต่รอดมาได้เพราะทีมไล่ล่าระดมยิงปืนเข้าใส่จระเข้ที่กำลังจะพุ่งเข้าหานายแดงที่กำลังลอยคออยู่ในน้ำ เพราะจระเข้โผล่ขึ้นมาจนเห็นได้ชัดเจนว่าามันมีสีดำทั้งส่วนลำตัวและส่วนหัว ยกเว้นที่คอเท่านั้นที่มีสีขาวคาดอยู่รอบลำคอ จึงเป็นที่มาของชื่อ ” ไอ้ด่าง ” นั่นเอง

จากเหตุการณ์ในวันนั้นข่าวของไอ้ด่างจระเข้ยักษ์กินคนก็โด่งดัง จึงมีคำสั่งให้ตำรวจหน่วยพลร่ม “เสือดำ” 2 นาย จากค่ายนเรศวรหัวหินร่วมกับชาวบ้านและคณะของ ส.ต.อ.บุญโชติ โดยการตีวงโอบล้อมตั้งแต่ปากอ่าวตะโกและจากคลองบางมุดเข้าหากัน การติดตามค้นหาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตอนเย็นไอ้ด่างก็ปรากฏตัวขึ้นเรือของ ส.ต.อ.บุญโชติและครูสมพงษ์ซึ่งพบเห็นจึงได้บอกให้คนคัดท้ายเรือชื่อนายหนึด เร่งพายเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะได้ยิงในระยะหวังผล แต่นายหนึดกลับกลัวจนพายเรือไม่ได้ทำให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดายแต่ในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านสองคนก็ผวากับไอ้ด่างอีกครั้ง เมื่อมันโผล่มาระหว่างเรือทั้งสองลำของชาวบ้าน และเรื่องนี้ทำให้ครูสมพงษ์ได้อาสาออกไปนั่งห้างพร้อมกับปืนไรเฟิล โดยใช้สุนัขผูกไว้บนแพเพื่อล่อไอ้ด่าง เช่นเดียวกับชุดไล่ล่าของตำรวจซึ่งก็คว้าน้ำเหลว นอกจากนั้นยังมีชายคนหนึ่งชื่อนายหะหมัด อายุ 65 ปี ชาว ต.เขาสง อ.ท่าชนะ เป็นพรานจระะเข้ใช้วิธีลุยเดี่ยวลงเรือเล็กไปล่าไอ้ด่าง โดยพรานจระเข้รายนี้บอกว่าเขาเคยล่าจระเข้ด้วยหอกประจำตัวมาแล้วถึง 15 ตัว แต่แม้จะมีการออกไล่ล่าไอ้ด่างทุกวันแต่ก็ไม่มีใครสามารถล่าจระเข้กินคนตัวนี้ได้ จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 กันยายน ทำให้ชื่อเสียงของไอ้ด่างคลองบางมุดเข้าไปเกาะกุมสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนทั่วประเทศ ความโด่งดังของมันถึงขนาดมีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ไล่ตามพรานจระเข้เพื่อถ่ายทำเป็นภาพยนตร์สารคดีไปทุกระยะเตรียมส่งฉายทั่วโลก โทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม ปัจจุบันคือช่อง 9 อสมท. ก็ทำสารคดี  ” สองฟากทางรถไฟ ” แพร่ภาพเรื่องของ ” ไอ้ด่าง ” ฉายออกทั่วประเทศ

เรื่องมันยาวมากขอรวบรัดเอาตอนจระเข้โดนจับเลยก็แล้วกัน
การไล่ล่าไอ้ด่างครั้งใหญ่จบลงด้วยความล้มเหลว ซึ่งหลายคนคาดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านั้นมีการไล่ล่าอยู่หลายครั้งรวมถึงช่วงนั้นระดับน้ำขึ้นสูงและมีน้ำเหนือไหลบ่าทำให้น้ำเชี่ยวกรากจระเข้น้อยใหญ่ถูกรบกวนจึงย้ายถิ่นหนีไปอยู่ที่อื่น จากเหตุดังกล่าวทำให้พักการออกล่าจระเข้ยักษ์ไว้ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลดลงสู่ระดับปกติ
แต่หลังจากนั้นไม่นานในวันที่ 18 พฤศจิกายน บริเวณคลองเขาปีบเขตติดต่อระหว่าง อ.หลังสวน กับ อ.สวี ไอ้ด่างก็ปรากฏตัวอีกครั้ง โดยครั้งนี้มันคาบเอานายช้วน พิมาน ชาวบ้านในคลองเขาปีบแล้วดำหายลงไปในคลองนั่นเอง ทำให้ชาวบ้านในคลองเขาปีบไม่มีใครกล้าพายเรือในคลองนี้ และเรื่องของนายช้วนทำให้ ส.อ.ห้วง พิมาน กับ ส.อ.จำนง พิมาน ญาติของนายช้วนซึ่งเป็นทหารประจำค่ายทหารบกชุมพรไปรายงานผู้บังคับบัญชาขอลาและขออนุมัติตามล่าจระเข้ยักษ์โดยใช้อาวุธ ซึ่งผู้บังคับบัญชามีคำสั่งอนุญาต ในการออกเดินทางครั้งนี้นอกจาก ส.อ.ห้วง พิมาน และ ส.อ.จำนง พิมาน แล้วได้มีผู้ร่วมเดินทางไปปราบจระเข้ยักษ์อีก 4 คน คือ ร.ท.ลิขิต จันทโรทัย, ร.ท.มาโนช เขียนยาคำ, ส.อ.ละออ นาคจิตติ ขณะที่คณะล่าจระเข้ไปถึงได้พบว่าชาวบ้านประมาณ 100 กว่าคนพร้อมด้วยอาวุธปืนและฉมวกกำลังค้นหาจระเข้ยักษ์และศพนายช้วน ตีแนวขนานทั้งสอง ซึ่งในที่สุดได้ค้นพบศพนายช้วน อยู่ใต้รากไม้ริมตลิ่ง ถูกไอ้ด่างจระเข้ยักษ์ลากไปขัดไว้ และไม่มีทางที่จะดึงออกมาได้ ต้องให้นักประดาน้ำดำลงไปใช้เชือกผูกศพแล้วใช้คนกว่า 20 คนช่วยกันดึงจึงลากศพนายช้วนออกมาได้ ปรากฏว่าศพนายช้วนมีสภาพที่แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี จากแหล่งที่พบศพของนายช้วนทำให้คณะที่ติดตามไล่ล่าไอ้ด่างรู้ว่ามันอยู่ในบริเวณนั้น ส.อ.ห้วง ได้ใช้ระเบิดลงไปในบริเวณที่เป็นแหล่งกบดานของไอ้ด่าง โดยระเบิดลูกที่สองทำให้ไอ้ด่างต้องออกมาจากที่ซ่อนใต้น้ำของมัน และรีบว่ายน้ำหนีแต่ก็ไปไม่รอดเมื่อระเบิดลูกที่สามโดนขว้างเข้าใส่ เป็นการปิดฉากความโหดร้ายของจระเข้ยักษ์กินคน  ” ไอ้ด่างคลองบางมุด ”



จากการวัดซากของไอ้ด่างมีความยาวจากหัวถึงหาง 4.25 เมตร รอบตัว 1.75 เมตร จากหัวถึงคอ 25 นิ้ว อ้าปากกว้าง 20 นิ้ว และเป็นจระเข้ตัวเมียเพราะก้อนขี้หมาบนจมูกของมันนูนโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นชำแหละซากไอ้ด่างเพื่อทำสต๊าฟไว้ เมื่อผ่าลงไปในท้องก็พบกระดูกในท้องไอ้ด่างมากมาย และยืนยันได้ว่ากินคนแน่
หลังจากผ่าชำแหละแล้วได้พบบาดแผลที่เห็นได้อย่างชัดเจนในซาก ” ไอ้ด่าง ” ดังนี้
ขาหน้าด้านขวาถูกกระสุนปืนลูกโดดฝังในด้านซ้ายของลำตัว เนื้อเละไปทั้งแถบ ด้านคอขวาเป็นรูเน่าซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ไอ้ด่างพบจุดจบ ส่วนสันหลังบริเวณกว้างยาว 1 ศอกยุ่ยเป็นรอยไหม้ ซี่โครงหักหลายซี่เพราะถูกแรงระเบิด โดยเฉพาะเมื่อผ่าแหวะกระเพาะของไอ้ด่างทำให้นายบุญถึงและเจ้าหน้าที่ 10 กว่าคนต้องตะลึงเมื่อพบว่า นอกจากเศษอิฐ เศษหินแล้วยังพบกระโหลกมนุษย์ถึง 2 หัว ยังอยู่ในสภาพมีเศษผมติดบนหนังศีรษะอยู่ นอกจากนี้ยังพบกระดูกส่วนขากับสะบ้าจากเข่าคน และนอกจากนั้นยังมีตะขอเหล็กขนาดใหญ่อีกหนึ่งตัวด้วย


และจากการพบส่วนกระโหลกศีรษะมนุษย์ทั้ง 2 หัวจากท้องของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ เป็นการยืนยันได้ชัดเจนว่ามันคือไอ้ด่างอย่างแน่นอน และนอกจากนั้นยังเป็นบทพิสูจน์ได้ด้วยว่าไอ้ด่างเคยกินคนมาก่อนหน้านี้แล้วเพราะศพที่มันกินครั้งหลังสุดที่เป็นข่าว 6 คน มันกินเฉพาะส่วนท้องเท่านั้น


สำหรับซากของไอ้ด่าง มีการถูกซื้อขายกันไปหลายครั้งเพื่อนำไปแสดงโชว์ ซึ่งทุกครั้งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยครั้งสุดท้ายถูกขายไปในราคา 23,000 บาท ให้กับนายไห้ แซ่เซ็ง

แม้วันเวลาจะผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว ตำนานความโหดร้ายของ ” ไอ้ด่างคลองบางมุด “ ยังคงเป็นที่จดจำของคนไทยอีกหลายคน และในช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่มีไอ้ด่างตัวที่ 3 ออกมาสร้างความสยดสยองให้กับคนไทย
ที่มา : http://oopsdara.com/ พลิกตำนาน สองไอ้ด่าง จระเข้กินคน/

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ว่าด้วยเรื่อง ติ๊กเก้อ..ฮิต ฮิต ตอนนี้

หลายท่านคงแปลกใจนะครับว่าทำไมช่วงนี้เราเปิด social networks ของเราขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram ก็เจอแต่ภาพถ่าย พร้อมกับคำขวัญท้ายรถสิบล้อ สุดฮาเต็มไปหมด ภาพเหล่านั้นก็มาจากแอพฯ ไทยสุดสร้างสรรค์ชื่อว่า ติ๊กเก้อ นั่นเอง


สติ๊กเกอร์

แอพฯ ติ๊กเก้อ เป็นแอพฯ ในหมวดแต่งภาพ ซึ่งเราสามารถถ่ายภาพใหม่ หรือเลือกภาพจาก gallery ของเรามาแต่งก็ได้ โดยจุดเด่นของแอพฯ นี้อยู่ที่สติ๊กเกอร์ หรือ ติ๊กเก้อ สุดฮา เหมือนที่ติดอยู่ตามท้ายรถสิบล้อบ้านเราครับ ที่ใครอ่านแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นักพัฒนาแอพฯ จึงยัดคำขวัญเหล่านี้ลงมาในแอพฯ ให้ผู้ใช้ได้ตกแต่งตามใจต้องการ ส่วนวิธีเล่น ทำได้ดังนี้เลยครับ ก่อนอื่นเลย ไปดาวน์โหลดแอพฯ นี้จาก app store หรือ play store ของคุณก่อนเลยครับ หรือคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้เพื่อไปดาวน์โหลดก็ได้เช่นกัน

iOS และ Android

เมื่อดาวน์โหลดได้แล้ว ก็จัดการเปิดแอพฯ ขึ้นมา แล้วถ่ายภาพที่ต้องกา่ร

สติ๊กเกอร์
หรือหากต้องการใช้ภาพที่มีอยู่ในเครื่อง ก็สามารถแตะปุ่ม Gallery แล้วเลือกภาพได้ทันที เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้ว คุณสามารถแตะกรอบสีแดง (A) เพื่อใส่ Filter ภาพได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งภาพเบลอ หรือภาพมัวๆ เป็นต้น
เมื่อใส่ FIlter เรียบร้อย เราก็มาแปะ ติ๊กเก้อ ตัวเอกของเรากันครับ โดยการแตะที่ปุ่ม ติ๊กเก้อ หรือที่ตัว B นั่นเอง

เลือก ติ๊กเก้อ ที่ต้องการ ซึ่งดูจากแถบด้านบน จะเห็นว่ามี ติ๊กเก้อ ให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ แถมมีแยกหมวดหมู่ไว้ด้่วย เช่น หมวดอาหาร สัตว์เลี้ยง หรือท่องเที่ยวเป็นต้น เลือกได้ตามระดับความฮาเลยฮะ

จากนั้น ติ๊กเก้อ จะมาอยู่บนภาพของเราทันที (ที่เลือก ติ๊กเก้อ อันนี้ ไม่ได้เป็นการระบายความในใจของนายแบบของเราแต่อย่างใด 555) โดยเราสามารถแตะค้างที่ติ๊กเก้อเพื่อปรับขนาด ย้ายตำแหน่งได้ตามต้องการ หรือจะหมุนติ๊กเก้อเพื่อปรับองศาก็ทำได้โดย ใช้สองนิ้วแตะที่ติ๊กเก้อแล้วเลื่อนนิ้วก็ได้ครับ อ่อและอีกอย่างนึง เราสามารถใส่ติ๊กเก้อได้มากกว่า 1 อันนะครับ โดยการเลือกอย่างเดิมเลย
และเมื่อเราได้ภาพตามต้องการแล้ว ให้แตะปุ่ม Share ครับ

เราสามารถแชร์ภาพที่แต่งไว้ไปยัง Facebook หรือ Instagram ได้ทันที แต่ถ้าหากยังไม่อยากแชร์ ก็สามารถแตะปุ่ม Save to … เพื่อจัดเก็บภาพใน Gallery ของเราเช่ากันครับ เพียงเท่านี้แฟน MThai Technology ก็มีภาพเจ๋งๆ พร้อมกับคำพูดสุดฮาไปแชร์ให้เพื่อได้กดไลค์ หรือคอมเมนต์กันได้ทันที
ส่วนตัวค่อนข้างชอบแอพฯ นี้นะครับ เพราะนอกจากจะเป็นแอพฯ ง่ายๆ ที่ใครก็เล่นได้ไม่ยาก แต่ยังมีความเป็นไทย โดยการเพิ่มคำขวัญฮาๆ ลงไปในภาพด้วย ซึ่งเราดูปั๊ปเราก็รู้ทันทีว่าแอพฯ นี้เป็นของไทยแน่นอน และอีกอย่างที่ทำให้แอพฯ นี้ดังในชั่วข้ามคืน นั่นก็คือกระแสที่เหล่าดารา และเซเลบต่างเล่นแอพฯ นี้ และก็โพสภาพในโลกออนไลน์มากมาย ชมภาพตัวอย่าง ติ๊กเก้อดารา ได้ด้านล่างนี้เลยฮะ

สติ๊กเกอร์
Ticker (App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ เสี่ยวๆ สไตล์รถสิบล้อ)   

Ticker App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ เสี่ยวๆ สไตล์รถสิบล้อ เป็น App แต่งรูป แปะ สติ๊กเกอร์ คำโดนๆ เหมือน สติ๊กเกอร์ ที่อยู่ตามท้ายรถสิบล้อเลยครับ โหลดเลย แอพ Ticker รับรอง ไม่ตกเทรนด์

ปรับปรุงเมื่อ : วันที่ 20 เมษายน 2556 (Last Updated : April 20, 2013) ระบบปฏิบัติการ (OS) : Android (2.2 Froyo / 2.3 Gingebread / 3.x Honeycomb / 4.0 Ice Cream Sandwich / 4.1 Jelly Bean) , iOS (5.1 / 6.0) ผู้พัฒนา : Absolute Play Co,.Ltd. หมวดหมู่ : โปรแกรมมือถือ > Photo & Video


Ticker (App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ เสี่ยวๆ สไตล์ รถสิบล้อ) : แอพ Ticker เป็น App แต่งรูป แปะ สติ๊กเกอร์ (App Sticker) เป็น แอพไทย ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ซึ่งคุณสมบัติของ App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ (เรียกเป็นภาษาวัยรุ่นว่า ติ๊กเกอร์) ก็คือจะมี สติ๊กเกอร์ คำโดนๆ เหมือนท้ายรถสิบล้อ ไว้ให้คุณเอาไว้วางบนรูปภาพ เช่น สวยใสไร้เมคอัพ, ทุกๆ งานต้องมีเธอ หรือ ควงได้เฉพาะเด็ก เป็นต้น และแอพ สติ๊กเกอร์ นี้สามารถแชร์ไป Social Network ได้ทันทีอีกด้วย และนอกจากนี้ ในอนาคตแอพ สติ๊กเกอร์ นี้จะมีข้อความ สติ๊กเกอร์ ที่โดนใจวัยรุ่นออกมาเยอะกว่านี้อย่างแน่นอนครับ

โดยใน App Ticker ตัวนี้เราสามารถ ใช้แอพเป็นตัวถ่ายรูปได้ทันที หลังจากนั้นก็เลือก Filter ปรับแสง (Brightness) ความเข้มของแสงได้ ลักษณะจะ คล้ายแอพ Instagram แต่มีน้อยกว่า

หลังจากเลือก Filter แต่งภาพแล้ว ก็ถึงจุดไฮไลท์ทีเด็ด ของแอพนี้แล้วนั่นคือขั้นตอนการเลือก สติ๊กเกอร์ (Sticker) รูปเสี่ยวๆ สไตล์มนต์รักลูกทุ่ง ที่ถูกจัดเอาไว้เป็นหมวดหมู่อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น หมวดข้อความเสี่ยวๆ หมวดของกิน และหมวดทั่วๆ ไป ไปแปะที่รูปภาพ ซึ่งการแปะ สติ๊กเกอร์ ลงบนรูปภาพนั้น คุณสามารถที่จะย่อขยายสติ๊กเกอร์ หมุนเอียงซ้ายขวา จัดตำแหน่งของ สติ๊กเกอร์ ภาพได้ตามใจชอบ

หลังจากที่นำสติ๊กเกอร์ ที่ตกแต่งเสร็จจาก แอพ Ticker ลงไปในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถแชร์รูปถ่ายพร้อมสติ๊กเกอร์เสี่ยวๆ นี้ไปลงในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook Twitter หรือ Instagram ได้ทันที ซึ่งถือว่าง่ายมากๆ

Features ความสามารถของ Ticker (App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ เสี่ยวๆ ติ๊กเก้อ สไตล์รถสิบล้อ)

ถ่ายรูปจากล้อง หรือเลือกรูปในอัลบั้ม จากแอพ Ticker ได้โดยตรง
สามารถ ตัดภาพ (Crop) เฉพาะส่วนที่ต้องการจะใส่ สติ๊กเกอร์ ได้
เลือก สติ๊กเกอร์ (ติ๊กเกอร์) ในแต่ละหมวดให้เหมาะสมกับรูปที่ใช้
แอพ Ticker สามารถปรับฟิลเตอร์ (Filter) ใส่ลูกเล่น (เอฟเฟค) ให้กับรูปของคุณ ทำให้รูปดูสวยขึ้น และไม่สมจริงมากขึ้น
แชร์รูปภาพจากแอพ Ticker (ติ๊กเกอร์) ไปยัง Facebook และ Twitter หรือว่าจะบันทึกลงอัลบั้มของคุณก็ได้
Note : App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ นี้ ทางผู้พัฒนาแอพ สติ๊กเกอร์ (Application Developer) เขาได้แจกให้ ทุกท่านได้นำไปใช้กันฟรี FREE ! นะครับผม โดยท่าน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ครับผม โดยท่านสามารถที่จะติดต่อกับทาง ผู้พัฒนาแอพ สติ๊กเกอร์ นี้ได้ทาง E-Mail : info@absoluteplay.co.th (ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ) นะครับผม ...


ตัวอย่าง สติ๊กเกอร์ กวนๆ จาก App แต่งรูป สติ๊กเกอร์ เสี่ยวๆ สไตล์รถสิบล้อ
App แต่งรูป สติ๊กเกอร์
Ticker ติ๊กเก้อ
แอพสติ๊กเกอร์

แอพสติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ line ฟรี สติ๊กเกอร์สิบล้อ app สติ๊กเกอร์ โปรแกรมสติ๊กเกอร์ แอพสติ๊กเกอร์แต่งรูป โหลดสติ๊กเกอร์ line ฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ โหลดโปรแกรมสติ๊กเกอร์ โปรแกรม สติ๊กเกอร์ ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ facebook แอพ สติ๊กเกอร์ appสติ๊กเกอร์ แอพ สติ๊กเกอร์แต่งรูป แอฟ สติ๊กเกอร์ฟรี สติ๊กเกอร์ สิบล้อ โหลดแอพสติ๊กเกอร์ โหลดสติ๊กเกอร์ app สติ๊กเกอร์แต่งรูป สติ๊กเกอร์เฟสบุ๊ค โปรแกรมแต่งรูป สติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ เฟสบุ๊ค แต่งรูปสติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ ในเฟส แอพสติ๊กเกอร์ line สติ๊กเกอร์ไลน์ฟรี สติ๊กเกอร์facebook สติ๊กเกอร์ติดผนัง แอพสติ๊กเกอร์ฟรี โหลดสติ๊กเกอร์ฟรี สติ๊กเกอร์ android แอฟ สติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ line ฟรี android โหลดสติ๊กเกอร์ line ฟรี android โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ฟรี สติ๊กเกอร์ฮิต ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ฟรี สติ๊กเกอร์ ฮิต สติ๊กเกอร์กำลังฮิต สติ๊กเกอร์ไลน์ฟรี android สติ๊กเกอร์ เฟส โหลดสติ๊กเกอร์เฟส โปรแกรมทําสติ๊กเกอร์ ไอโฟน ฟอนต์ สติ๊กเกอร์ สิบล้อ สติ๊กเกอร์ แอนดรอย ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ฟรี ฟอนต์สติ๊กเกอร์สิบล้อ สติ๊กเกอร์ไลน์ ฟรี

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทำนายวันมหาสงกรานต์ พุทธศักราช 2556

ประกาศสงกรานต์จุลศักราช ๑๓๗๕
พุทธศักราช ๒๕๕๖

ปีมะเส็ง เบญจศก จันทรคติเป็น ปกติมาส ปกติวาร สุริยคติเป็น ปกติสุรทิน


สมผุส ณ. วันเวลา มหาสงกรานต์
อาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ๐ องศา ๐ ลิปดา

สมผุส ณ. วันเวลา เถลิงศก
อาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ๒ องศา ๗ ลิปดา
วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๑ นาฬิกา ๕๘ นาที ๔๘ วินาที
ตรงกับเวลา ๒ นาฬิกา ๑๖ นาที ๔๘ วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทยปัจจุบัน) *
จันทรคติตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีมะเส็ง
นางสงกรานต์นามว่า มโหทรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว(ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย
หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์หลับเนตร(นอนหลับตา) มาเหนือหลังมยุรา(นกยุง) เป็นพาหนะ
เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ ศุกร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๖๐๐ ห่า
ตกในเขาจักรวาล ๒๔๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๘๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๒๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๖๐ ห่า
เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ อาโป(ธาตุน้ำ) น้ำมาก น้ำท่วม
เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีมะเส็ง นาคราชให้น้ำ ๑ ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีมาก กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อยแล
เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ ปาปะ ข้าวกล้าในไร่นา จะได้ ๑ ส่วน เสีย ๑๐ ส่วน คนทั้งหลายจะตกทุกข์ได้ยากลำบากแค้น เพราะกันดารอาหารบ้าง จะฉิบหายเป็นอันมากแล
วันเถลิงศก ตรงกับ วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๕ นาฬิกา ๕๖ นาที ๒๔ วินาที
ตรงกับเวลา ๖ นาฬิกา ๑๔ นาที ๒๔ วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทยปัจจุบัน) *
จันทรคติตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนห้า(๕) ปีมะเส็ง
เกณฑ์อัตตาเถลิงศก จุลศักราช ๑๓๗๕
เถลิงศก๒๕๕๖อวมาน๒๗๔อุจจพล๖๕๑
จุลศักราช๑๓๗๕หรคุณ๕๐๒๒๓๒ดิถี
มาสเกณฑ์๑๗๐๐๗กัมมัชพล๖๐๒วาร

กาลโยค ประจำปีจุลศักราช ๑๓๗๕
ศก ๒๓๒ธงชัยอธิบดีอุบาทว์โลกาวินาศ
วันพฤหัสบดี (๕)อาทิตย์ (๑)พุธ (๔)อังคาร (๓)
ยาม๐๖:๐๐-๐๗:๓๐ น.
๑๘:๐๐-๑๙:๓๐ น. (๑)
๐๙:๐๐-๑๐:๓๐ น.
๒๑:๐๐-๒๒:๓๐ น. (๓)
๑๖:๓๐-๑๘:๐๐ น.
๐๔:๓๐-๐๖:๐๐ น. (๘)
๑๕:๐๐-๑๖:๓๐ น.
๐๓:๐๐-๐๔:๓๐ น. (๗)
ราศีราศีพฤกศภ (๑)ราศีพิจิก (๗)ราศีเมษ (๑๒)ราศีมีน (๑๑)
ดิถี(จันทร์)ขึ้น ๑๓ ค่ำ (๑๓)แรม ๔ ค่ำ (๑๙)ขึ้น ๑๒ ค่ำ (๑๒)ขึ้น ๕ ค่ำ (๕)
ฤกษ์(จันทร์)มาฆะ (๑๐)อัศวิณี (๑)อาศเลษะ (๙)ปุรพผลคุนี (๑๑)
กาลโยคเริ่มใช้ หลังจากวันเวลาเถลิงศก (วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๕ นาฬิกา ๕๖ นาที ๒๔ วินาที)
คำทำนาย **
วันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ : จะเกิดอันตรายกลางเมือง จะเกิดเพลิง และ โจรผู้ร้าย และ จะเจ็บไข้นักแล ฯ , วันอาทิตย์ เป็นวันเนา : ข้าวจะตายฝอย จะได้ยินเสียงคนต่างภาษา ท้าวพระยาจะร้อนใจนักแล ฯ , วันจันทร์ เป็นวันเถลิงศก : พระราชเทวี และหมู่นางสนม ราชบริพาร จะประกอบไปด้วยสุขและสมบัติทั้งปวง , นางสงกรานต์ ไสยาสน์หลับเนตร (นอนหลับตา) : พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี

ที่มา : http://www.myhora.com/ปฏิทิน-ประกาศสงกรานต์ พ.ศ.2556.aspx